ข้อมูลจาก นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ อดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) เผยในงานเสวนา ทิศทางการดำเนินงานระบบบัตรทองในปัจจุบันและอนาคต ถึงปัญหาการบริหารงบบัตรทองที่กระทบต่อโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศอย่างรุนแรง
ข้อมูลจาก นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ อดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพทโดย หมออนุกูลระบุว่า โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้บริการผู้ป่วยบัตรทองกว่า 40 ล้านคนทั่วประเทศ โดยต้นทุนการรักษาผู้ป่วยในต่อ adjRW (Adjusted Relative Weight) อยู่ที่ประมาณ 13,000 บาท แต่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กลับจ่ายเพียง 8,350 บาท และมีแนวโน้มจะลดลงอีกเหลือเพียง 7,100 บาท หากงบไม่พอ
ข้อมูลจาก นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ อดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพทต้นทุนอยู่ที่ 13,000 บาท แต่จ่าย 7,100 บาท แบบนี้อยากให้ สปสช.ตั้งโรงพยาบาลเองแล้วบริหารดูบ้างหมออนุกูล อธิบาย
โรงพยาบาลรัฐวิกฤต ขาดสภาพคล่องรวมกว่า 4,200 ล้านบาท
ข้อมูลไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่าโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องรวม 4,219.4 ล้านบาท โดย 10 อันดับแรกที่ติดลบสูงสุด ได้แก่
รพ.ขอนแก่น – 848.3 ล้านบาท
รพ.ชัยภูมิ – 180 ล้านบาท
รพ.พระนครศรีอยุธยา – 147.4 ล้านบาท
รพ.ระนอง – 123.4 ล้านบาท
รพ.ฝาง (เชียงใหม่) – 117.7 ล้านบาท
รพ.บ้านหมี่ (ลพบุรี) – 113.8 ล้านบาท
รพ.เพชรบูรณ์ – 108 ล้านบาท
รพ.สันป่าตอง (เชียงใหม่) – 102.9 ล้านบาท
รพ.พระพุทธบาท (สระบุรี) – 102.1 ล้านบาท
รพ.ปากช่องนานา (นครราชสีมา) – 73.8 ล้านบาท
นอกจากนี้ เดือนมีนาคม 2568 ยังมี รพ.อีก 218 แห่ง จาก 902 แห่งที่มีเงินบำรุงติดลบ และ 82 แห่ง ไม่ได้รับค่ารักษาผู้ป่วยในจากการเบิก 119 ล้านบาท
อีกทั้งหมออนุกูลวิจารณ์การบริหารงบของ สปสช. ที่ใช้ระบบ ปลายเปิด กับนวัตกรรมใหม่ เช่น รับยาที่ร้านยา หรือเจาะเลือดที่บ้าน แต่กับผู้ป่วยในกลับใช้งบ ปลายปิด” ที่ตัดจบไม่จ่ายเพิ่ม ทำให้โรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยหนักได้รับผลกระทบ
การแบ่งกลุ่มผู้ป่วยและงบประมาณของ สปสช. ได้แก่
กลุ่ม 1 : ยังไม่ป่วย – ป้องกันโรค (ปลายปิด)
กลุ่ม 2 : ป่วยเล็กน้อย – ร้านยา/คลินิกเอกชน (ปลายเปิด)
กลุ่ม 3 : ป่วยปานกลาง-รุนแรง – รพ.รัฐ (ปลายปิดแบบสนิท)
กลุ่ม 4 : โรคซับซ้อน – รพ.มหาวิทยาลัย/รพ.ศูนย์ (ปลายปิดแต่เปิดได้ถ้ามีงบ)
ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสภาเภสัชกรรม ร่วมแสดงความเห็นในเสวนาว่า แม้จะสนับสนุนระบบร้านยาและคลินิกที่ลดภาระโรงพยาบาล แต่ไม่เห็นด้วยกับ ตู้ห่วงใย ที่ให้บริการแบบพูดคุยผ่านหน้าจอโดยไม่มีแพทย์ตรวจร่างกายจริง ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 525 บาท/ครั้ง จึงเสนอให้ระงับใช้และศึกษาเพิ่มเติมก่อนดำเนินการต่อ